สธ.ส่งเสริมนโยบายสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ
"สธ.ส่งเสริมนโยบายสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ"
กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุน ส่งเสริมนโยบายสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ โดยให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 20-34 ปีทุกคน ที่พร้อม /ตั้งใจและวางแผนจะมีลูกรับวิตามินแสนวิเศษเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก พร้อมให้คำแนะนำการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ นำไปสู่การคลอดที่ปลอดภัย ทารกแรกเกิดมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ
วันนี้(8 กุมภาพันธ์ 2560)ที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร กระทรวงสาธารณสุข ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันแถลงข่าวโครงการส่งเสริมสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ ตามนโยบายส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ และผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 มีนโยบาย "รัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริมการเกิดเพิ่มขึ้นด้วยความสมัครใจ เพื่อเพียงพอสำหรับทดแทนประชากร และการเกิดทุกรายมีการวางแผน มีความตั้งใจและมีความพร้อมในทุกด้าน นำไปสู่การคลอดที่ปลอดภัย ทารกแรกเกิดมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ?
นโยบายฉบับนี้เน้น 3 เรื่อง ได้แก่1.เพิ่มจำนวนการเกิด เพื่อทดแทนจำนวนประชากร โดยส่งเสริมการเกิดในหญิงอายุ 20-34 ปี ที่มีความพร้อม และตั้งใจมีครรภ์ 2.การเกิดทุกรายมีความพร้อม มีการวางแผน มีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์และได้รับความช่วยเหลือในการมีบุตรและ3.ทารกแรกเกิดแข็งแรง พร้อมเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยส่งเสริมให้ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย ได้รับการดูแลหลังคลอดที่ดี เด็กได้รับการเลี้ยงดูในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการสมวัย พร้อมที่จะเรียนรู้ในช่วงวัยต่อไปอย่างมั่นคง
โดยมีมาตรการสำคัญในการดำเนินงาน 7 ข้อ ดังนี้ 1.พัฒนาระบบการให้บริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ระยะก่อนสมรส ระยะก่อนมีบุตร ระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และระยะหลังคลอด 2.จัดกิจกรรมรณรงค์ให้คนไทยมีลูก 3.ปรับปรุงแก้ไขสิทธิการลาคลอดสำหรับหญิงตั้งครรภ์และคู่สมรส ส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตร 4.จัดสวัสดิการเรื่องที่อยู่อาศัย เอื้อให้คู่สมรสมีที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน มีความสะดวก เพียงพอต่อการมีบุตร 5.กำหนดมาตรการทางภาษีช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตร 6.ขยายจำนวนสถานรับเลี้ยงเด็กหรือศูนย์เด็กเล็กคุณภาพเพิ่มขึ้น ช่วยลดภาระในการดูแลบุตรระหว่างทำงาน และ7.ปรับปรุงนโยบายเวลาการทำงานให้ยืดหยุ่น สร้างสมดุลการทำงานและชีวิตครอบครัว
ด้านนายแพทย์วชิระ กล่าวว่า ปัจจุบันวิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไป ผู้หญิงไทยมีการศึกษาสูงขึ้น คนรุ่นใหม่มีค่านิยมที่จะอยู่เป็นโสดมากขึ้น แต่งงานกันน้อยลง/ช้าลง ทำให้การเพิ่มประชากรลดลง จากร้อยละ 2.7 ในพ.ศ. 2513 เหลือร้อยละ 0.4 ใน พ.ศ. 2558 ส่งผลให้อัตราเจริญพันธุ์รวมของประเทศไทยลดลง นอกจากนี้ในปี 2558 พบอัตราส่วนการตายมารดา อยู่ที่ 20.0 ต่อการเกิดมีชีพแสนคน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากตกเลือดหลังคลอด หญิงตั้งครรภ์มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กร้อยละ 39.0 ทารกคลอดก่อนกำหนดร้อยละ 10.4 ทารกเสียชีวิตจากภาวะความพิการแต่กำเนิดร้อยละ 7 นอกจากนี้ยังพบอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนมีเพียงร้อยละ 23.9 เด็กปฐมวัยขาดสารอาหารร้อยละ 16.8 มีพัฒนาการไม่สมวัยร้อยละ 27.3 และพบหญิงวัยเจริญพันธุ์อายุ 15 ปีขึ้นไปมีภาวะโลหิตจางร้อยละ 29.8 ทำให้ประเทศไทยเผชิญกับปัญหา"เด็กเกิดน้อย ด้อยคุณภาพ?
เพื่อลดปัญหาดังกล่าว และทำตามมติสมัชชาอนามัยโลกปี 2012 ที่ได้กำหนดให้ประเทศสมาชิกลดภาวะโลหิตจางในหญิงวัยเจริญพันธุ์ร้อยละ 50 ภายในปี 2025กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกหรือวิตามินแสนวิเศษให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 20-34 ปีทุกคน ที่พร้อม /ตั้งใจและวางแผนจะมีลูก กินสัปดาห์ละ 1ครั้ง อย่างน้อย 12 สัปดาห์ ก่อนการตั้งครรภ์ พร้อมให้คำแนะนำการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ โดยในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 จะมีการแจก กล่องวิตามินแสนวิเศษ "สาวไทยแก้มแดงพัฒนาสมองและการเรียนรู้ด้วยเหล็กและโฟลิก? พร้อมแผ่นพับความรู้ ให้กับคู่สมรสที่มาจดทะเบียนพร้อมกันทั่วประเทศ
ด้านนายแพทย์นพพร เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้วิจัยพัฒนาและผลิตยาที่มีส่วนผสมของวิตามินธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และ ไอโอดีนจำนวน3 รายการ สำหรับโครงการ "ส่งเสริมสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ? โดยในช่วงแรกของโครงการนี้องค์การฯได้ส่งมอบยาให้กับกระทรวงสาธารณสุข เป็นมูลค่าเงินจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้หญิงวัยเจริญพันธุ์และเด็กเข้าถึงวิตามินดังกล่าวได้มากขึ้น
พร้อมกันนี้ได้ผลิตยาตามมาตรฐานสากล ในราคาที่สามารถเข้าถึงยาได้มากขึ้น 3 รายการ ประกอบด้วย 1.ยาน้ำแขวนตะกอนธาตุเหล็ก สำหรับเด็ก กินสัปดาห์ละครั้งใช้ป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กโดยเฉพาะกลุ่มเด็กปฐมวัย 2.ยาเม็ดวิตามินรวมธาตุเหล็ก ไอโอดีนและกรดโฟลิก กินทุกวันตลอดการตั้งครรภ์ ใช้ป้องกันการขาดสารไอโอดีน ภาวะโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ และพัฒนาการเด็ก ซึ่งยาทั้ง 2 รายการนี้ พร้อมสำหรับกระจายสู่กลุ่มเป้าหมายและ3.ยาเม็ดวิตามินรวมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก สำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์ กินสัปดาห์ละครั้ง ใช้ป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก จะสามารถผลิตและกระจายได้ในเดือน สิงหาคม 2560 นี้
ด้านดร.สุปรีดา กล่าวว่า การสร้างเสริมสุขภาพให้กับกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์มีความจำเป็น สสส.จึงร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมในทุกมิติ เช่น การส่งเสริมให้กินผัก การออกกำลังกายที่เหมาะสม การให้วัคซีน ตลอดจนการเสริมสารอาหารที่จำเป็นโดยเฉพาะ โฟเลตและธาตุเหล็ก ตลอดจนถึงการเตรียมตัวก่อนแต่งงาน โดยได้สนับสนุนการพัฒนาชุดความรู้เรื่องการป้องกันความพิการแต่กำเนิดด้วยวิตามินโฟเลต และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในพื้นที่นำร่อง 22 จังหวัด พร้อมกับประสานความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาไทย และกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมสนับสนุนการดำเนินงานครั้งนี้
สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข / 8 กุมภาพันธ์ 2560
สธ.ส่งเสริมนโยบายสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุน ส่งเสริมนโยบายสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ โดยให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 20-34 ปีทุกคน ที่พร้อม /ตั้งใจและวางแผนจะมีลูกรับวิตามินแสนวิเศษเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก พร้อมให้คำแนะนำการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ นำไปสู่การคลอดที่ปลอดภัย ทารกแรกเกิดมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ วันนี้(8 กุมภาพันธ์ 2560)ที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร กระทรวงสาธารณสุข ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันแถลงข่าวโครงการส่งเสริมสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ ตามนโยบายส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ และผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 มีนโยบาย รัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริมการเกิดเพิ่มขึ้นด้วยความสมัครใจ เพื่อเพียงพอสำหรับทดแทนประชากร และการเกิดทุกรายมีการวางแผน มีความตั้งใจและมีความพร้อมในทุกด้าน นำไปสู่การคลอดที่ปลอดภัย ทารกแรกเกิดมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ นโยบายฉบับนี้เน้น 3 เรื่อง ได้แก่1.เพิ่มจำนวนการเกิด เพื่อทดแทนจำนวนประชากร โดยส่งเสริมการเกิดในหญิงอายุ 20-34 ปี ที่มีความพร้อม และตั้งใจมีครรภ์ 2.การเกิดทุกรายมีความพร้อม มีการวางแผน มีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์และได้รับความช่วยเหลือในการมีบุตรและ3.ทารกแรกเกิดแข็งแรง พร้อมเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยส่งเสริมให้ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย ได้รับการดูแลหลังคลอดที่ดี เด็กได้รับการเลี้ยงดูในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการสมวัย พร้อมที่จะเรียนรู้ในช่วงวัยต่อไปอย่างมั่นคง โดยมีมาตรการสำคัญในการดำเนินงาน 7 ข้อ ดังนี้ 1.พัฒนาระบบการให้บริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ระยะก่อนสมรส ระยะก่อนมีบุตร ระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และระยะหลังคลอด 2.จัดกิจกรรมรณรงค์ให้คนไทยมีลูก 3.ปรับปรุงแก้ไขสิทธิการลาคลอดสำหรับหญิงตั้งครรภ์และคู่สมรส ส่งเสริมการเลี้ยงดูบุตร 4.จัดสวัสดิการเรื่องที่อยู่อาศัย เอื้อให้คู่สมรสมีที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน มีความสะดวก เพียงพอต่อการมีบุตร 5.กำหนดมาตรการทางภาษีช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตร 6.ขยายจำนวนสถานรับเลี้ยงเด็กหรือศูนย์เด็กเล็กคุณภาพเพิ่มขึ้น ช่วยลดภาระในการดูแลบุตรระหว่างทำงาน และ7.ปรับปรุงนโยบายเวลาการทำงานให้ยืดหยุ่น สร้างสมดุลการทำงานและชีวิตครอบครัว ด้านนายแพทย์วชิระ กล่าวว่า ปัจจุบันวิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไป ผู้หญิงไทยมีการศึกษาสูงขึ้น คนรุ่นใหม่มีค่านิยมที่จะอยู่เป็นโสดมากขึ้น แต่งงานกันน้อยลง/ช้าลง ทำให้การเพิ่มประชากรลดลง จากร้อยละ 2.7 ในพ.ศ. 2513 เหลือร้อยละ 0.4 ใน พ.ศ. 2558 ส่งผลให้อัตราเจริญพันธุ์รวมของประเทศไทยลดลง นอกจากนี้ในปี 2558 พบอัตราส่วนการตายมารดา อยู่ที่ 20.0 ต่อการเกิดมีชีพแสนคน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากตกเลือดหลังคลอด หญิงตั้งครรภ์มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กร้อยละ 39.0 ทารกคลอดก่อนกำหนดร้อยละ 10.4 ทารกเสียชีวิตจากภาวะความพิการแต่กำเนิดร้อยละ 7 นอกจากนี้ยังพบอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนมีเพียงร้อยละ 23.9 เด็กปฐมวัยขาดสารอาหารร้อยละ 16.8 มีพัฒนาการไม่สมวัยร้อยละ 27.3 และพบหญิงวัยเจริญพันธุ์อายุ 15 ปีขึ้นไปมีภาวะโลหิตจางร้อยละ 29.8 ทำให้ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาเด็กเกิดน้อย ด้อยคุณภาพ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว และทำตามมติสมัชชาอนามัยโลกปี 2012 ที่ได้กำหนดให้ประเทศสมาชิกลดภาวะโลหิตจางในหญิงวัยเจริญพันธุ์ร้อยละ 50 ภายในปี 2025กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกหรือวิตามินแสนวิเศษให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 20-34 ปีทุกคน ที่พร้อม /ตั้งใจและวางแผนจะมีลูก กินสัปดาห์ละ 1ครั้ง อย่างน้อย 12 สัปดาห์ ก่อนการตั้งครรภ์ พร้อมให้คำแนะนำการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ โดยในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 จะมีการแจก กล่องวิตามินแสนวิเศษ สาวไทยแก้มแดงพัฒนาสมองและการเรียนรู้ด้วยเหล็กและโฟลิก พร้อมแผ่นพับความรู้ ให้กับคู่สมรสที่มาจดทะเบียนพร้อมกันทั่วประเทศ ด้านนายแพทย์นพพร เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้วิจัยพัฒนาและผลิตยาที่มีส่วนผสมของวิตามินธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และ ไอโอดีนจำนวน3 รายการ สำหรับโครงการ ส่งเสริมสาวไทยแก้มแดง มีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ โดยในช่วงแรกของโครงการนี้องค์การฯได้ส่งมอบยาให้กับกระทรวงสาธารณสุข เป็นมูลค่าเงินจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้หญิงวัยเจริญพันธุ์และเด็กเข้าถึงวิตามินดังกล่าวได้มากขึ้น พร้อมกันนี้ได้ผลิตยาตามมาตรฐานสากล ในราคาที่สามารถเข้าถึงยาได้มากขึ้น 3 รายการ ประกอบด้วย 1.ยาน้ำแขวนตะกอนธาตุเหล็ก สำหรับเด็ก กินสัปดาห์ละครั้งใช้ป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กโดยเฉพาะกลุ่มเด็กปฐมวัย 2.ยาเม็ดวิตามินรวมธาตุเหล็ก ไอโอดีนและกรดโฟลิก กินทุกวันตลอดการตั้งครรภ์ ใช้ป้องกันการขาดสารไอโอดีน ภาวะโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ และพัฒนาการเด็ก ซึ่งยาทั้ง 2 รายการนี้ พร้อมสำหรับกระจายสู่กลุ่มเป้าหมายและ3.ยาเม็ดวิตามินรวมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก สำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์ กินสัปดาห์ละครั้ง ใช้ป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก จะสามารถผลิตและกระจายได้ในเดือน สิงหาคม 2560 นี้ ด้านดร.สุปรีดา กล่าวว่า การสร้างเสริมสุขภาพให้กับกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์มีความจำเป็น สสส.จึงร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขส่งเสริมในทุกมิติ เช่น การส่งเสริมให้กินผัก การออกกำลังกายที่เหมาะสม การให้วัคซีน ตลอดจนการเสริมสารอาหารที่จำเป็นโดยเฉพาะ โฟเลตและธาตุเหล็ก ตลอดจนถึงการเตรียมตัวก่อนแต่งงาน โดยได้สนับสนุนการพัฒนาชุดความรู้เรื่องการป้องกันความพิการแต่กำเนิดด้วยวิตามินโฟเลต และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในพื้นที่นำร่อง 22 จังหวัด พร้อมกับประสานความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาไทย และกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมสนับสนุนการดำเนินงานครั้งนี้ สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข / 8 กุมภาพันธ์ 2560