กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
วันผู้บริจาคโลหิตโลก (World Blood Donor Day)
14 มิถุนายน 2566
เนื่องในวันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปี ที่เป็นวันผู้บริจาคโลหิตโลก (World Blood Donor Day) เพื่อให้เห็นความสำคัญของการบริจาคโลหิต ได้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนที่มีสุขภาพfuร่วมบริจาคโลหิต ช่วยชีวิตเพื่อมนุษย์ การบริจาคโลหิตในผู้ที่มีสุขภาพดีไม่ส่งผลกระทบกับสุขภาพและไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาคโลหิต เพราะเป็นการสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายยังไม่จำเป็นต้องใช้ให้กับผู้ป่วย เพราะร่างกายของแต่ละคนมีปริมาณโลหิตประมาณ 17-18 แก้วน้ำ ร่างกายจะใช้เพียง 15-16 แก้วเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นสามารถบริจาคให้ผู้อื่นได้
เพื่อให้ผู้ที่ต้องการบริจาคโลหิตหรือที่บริจาคโลหิตแล้ว ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง จึงควรเลือกรับประทานสารอาหารที่มีประโยชน์และมีส่วนช่วยทำให้เลือดสมบูรณ์และเข้นข้น ซึ่งเป็นอาหารที่อุดมสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบรูณ์ ได้แก่ ธาตุเหล็ก วิตามินบี12 และ กรดโฟลิค (วิตามินบี 9 ) ซึ่งเป็นสารอาหารหลักที่สำคัญในการสร้างเม็ดเลือดเเดงนั้นเอง
สำนักโภชนาการจึงมีคำแนะนำในการบริโภคอาหาร เพื่อให้ได้รับสารอาหารดังกล่าวดังนี้
ทั้งนี้ผู้ที่ต้องการบริจาคโลหิตควรเตรียมตัวก่อนบริจาคเลือด โดยต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง หากอยู่ระหว่างรับประทานยารักษาโรค ให้แจ้งแพทย์/พยาบาล หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ขนมหวาน ก่อนมาบริจาคโลหิต 6 ชั่วโมง ก่อนบริจาคเลือด และก่อนเจาะเลือดบริจาคให้ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว จะช่วยทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลัง บริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง หลังบริจาคเลือด ควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ และรับประทานยาเสริมธาตุเหล็ก วันละ 1 เม็ด หลังอาหารจนหมด เพื่อชดเชยธาตุเหล็กที่เสียไป การดูแลสุขภาพก่อนและหลังบริจาคโลหิตจะช่วยให้โลหิตที่ได้มีคุณภาพดีและไม่ส่งผลกระทบกับสุขภาพหลังบริจาคโลหิตด้วย